วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Toyota Corolla Altis 2.0 ใช้งาน เดินทางไกล ใส่ใจเรื่องความประหยัด







ครั้งก่อนได้มีโอกาสทดสอบ Toyota Corolla Altis 2.0 กันในสนามของบริดจสโตน ซึ่งถือว่าเป็นสัมผัสแรกที่เราได้ลองจับพวงมาลัยหลังจากเปิดตัว มีการบ่นเล็กน้อยว่าได้ลองขับกันน้อยเกินไปยังไม่จุใจ และรู้ซึ้งถึงสมรรถนะกันมากมายนัก ในที่สุดเขาก็จัดให้ขับกันยาว ๆ จากกรุงเทพฯ ถึงอุดรธานี ไปชมการแข่งขันโตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต สนามที่ 2 กันเสียเลย แต่ถ้าไปกันเรื่อย ๆ ธรรมดา ๆ ดูเหมือนว่าจะเกิดอาการเซ็ง แม้มือเก๋า ๆ ทั้งหลายจะไปกันเพียบ แต่คงไม่ปลื้มนักถ้าจะตั้งหน้ากดคันเร่งเดินทางอย่างเดียว งานนี้เขาก็เลยแทรกกิจกรรมที่นอกเหนือจากขับทดสอบการใช้งานกันแล้วยังทดสอบ ในเรื่องของความประหยัดไปพร้อม ๆ กันด้วย แต่ว่าระยะทางในช่วงที่จับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นถือว่าไม่ยาว ไกลเท่าไรนัก ประมาณ 140 กิโลเมตรเท่านั้น โดยกติกากำหนดให้รถหนึ่งคันมีผู้โดยสารที่ร่วมเดินทางอยู่ที่ 3-4 คน โดยสถิติที่ตั้งเอา ไว้เป็นมาตรฐานจากการลงเท้ากระทืบคันเร่งของฝ่าย P.R. หน้าหล่อบ้าง ไม่หล่อบ้าง ใช้อัตราสิ้นเปลืองไปประมาณ 19 กิโลเมตรกว่า ๆ ต่อน้ำมัน 1 ลิตร โดยความเร็วที่ใช้นั้นก็อยู่ราว 90-110 กม./ชม. ซึ่งอัตราการจิบน้ำมันในปริมาณขนาดนี้ถือว่าอยู่ในขั้นประหยัดพอสมควรอยู่ แล้ว แต่ฝีมือระดับเทพของสื่อมวลชนที่คร่ำหวอดในด้านการขับแบบ เท้าเบา นั้นมีอยู่หลายท่าน ซึ่งก่อนการขับประหยัดต่างก็ถ่อมตัวว่าน่าจะอยู่ราว ๆ 20 กิโลเมตรต้น ๆ ต่อน้ำมัน 1 ลิตรบ้าง หรือใกล้เคียงกับ 19 กม./ลิตรบ้าง โตโยต้าเองช่วงนี้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาให้เห็นกันหลายรุ่น เริ่มต้นด้วยโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส 2.0 ลิตรใหม่ จากนั้นก็ตามด้วยโตโยต้า คัมรี ไฮบริด รวมทั้งตัวไมเนอร์เชนจ์รุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรไปจนถึงเครื่องยนต์ V6 สูบ 3.5 ลิตร และล่าสุดคือ โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา สำหรับโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส 2.0 นั้นเปิดตัวมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เป็นเครื่องยนต์ใหม่รหัส 3ZR-FE ที่ได้นำระบบ Dual VVT-i มาใช้ในโคโรลล่า อัลติส เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ล้ำสมัยอีกมากมาย อาทิ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบ Paddle Shift ที่พวงมาลัย ระบบนำทาง (In-Car Navigator) กล้องมองหลังเพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะถอยจอด ในรุ่น 2.0V Navigator ระบบไฟหน้าแบบ HID พร้อมปรับระดับสูงต่ำแบบอัตโนมัติ ระบบสตาร์ตอัจฉริยะ Push Start และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT แบบ Gate-Type พร้อมระบบซีเควนเชี่ยล รวมทั้งในรุ่นท็อปและรองท็อปมีมาให้คือระบบ VSC ควบคุมการทรงตัวอย่างมั่นคงทั้งในขณะเข้าโค้งหรือถนนเปียกลื่นเพื่อความ ปลอดภัย ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ควบคุมและป้องกันอาการล้อหมุนฟรี สำหรับการขับใช้งานเดินทางไกลไปยังจังหวัดอุดรธานี ซึ่งรถที่เราได้ขับกันนั้น คือตัว 2.0 V ซึ่งการขับในช่วงแรกเป็นการเดินทางปรกติ ความเร็วที่ใช้นั้นก็มีทั้งความเร็วสูง คือเกิน 160 กม./ชม. การขับแบบความเร็วเดินทาง ซึ่งก็อยู่ราว 120 กม./ชม. การหาอัตราเร่งในช่วงเร่งแซง ซึ่งการใช้งานโดยรวมนั้นถือว่าโตโยต้าทำได้ดีในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะยังแรงไม่สะใจขาซิ่งทั้งหลาย แต่เราก็ต้องก็ยอมรับว่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรรุ่นใหม่นี้ไม่ได้เน้นเรื่องของความแรงเพียงอย่างเดียว ซึ่งที่ถือว่าเป็นเทรนด์ใหม่และเหมาะสมกับราคาน้ำมันในปัจจุบันนี้คือเรื่อง ของความประหยัด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจเมื่อมีโอกาสได้ลองขับทางไกลกันคือ การควบคุมพวงมาลัย รวมทั้งตำแหน่งที่นั่งตลอดจนระยะการจับนั้นก็ถือว่าเขาเซตมาได้ค่อนข้างดี แต่เราต้องมาปรับให้เข้ากับสรีระของเราเองด้วยเหมือนกัน ในส่วนของระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะแบบ Gate Type พร้อมระบบซีเควนเชี่ยล งานนี้ดูเหมือนว่ายังตอบสนองกับการกดคันเร่งได้ไม่ประทับใจนัก ซึ่งจะมีจังหวะที่ต้องรอรอบเล็กน้อย และจะเห็นได้ชัดในช่วงที่เปลี่ยนมาใช้แบบแมนนวลโหมด หรือซีเควนเชี่ยล เปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง ส่วนช่วงล่างการเกาะถนน แรงลมปะทะ และการเปลี่ยนเลนส์กะทันหันนั้น ระบบการรองรับน้ำหนักของอัลติสใหม่ยังคงแน่นอน และน่าประทับใจ ไม่มีอาการวอกแวก หรือปัดเป๋ให้ได้เห็น การบังคับควบคุมพวงมาลัยก็เป็นไปได้อย่างดีเหมือนดังที่เราเคยได้ลองขับกัน ไปในสนามบริดจสโตน ก่อนหน้านี้ มาถึงในช่วงของการขับประหยัด สตาร์ตกันที่ปั๊มน้ำมันทางเลี่ยงเมืองจังหวัดนคร ราชสีมาไปสิ้นสุดที่ปั๊มน้ำมันทางเลี่ยงเมืองจังหวัดขอนแก่น ระยะทางรวมประมาณ 140 กม. ใช้เวลาในการเดินทางที่กำหนดไว้คือ 1 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งถ้าจะเฉลี่ยความเร็วในการเดินทางแล้วน่าจะอยู่ที่ประมาณ 80-90 กม./ชม. แต่อาจจะต้องใช้ความเร็วสูงกว่านั้น เนื่องจากช่วงเดินทางจะต้องผ่านแยกไฟแดงหลายแยก ผ่านชุมชน และต้องเผื่อช่วงเวลาที่รถอาจจะติดบ้าง สำหรับงานนี้เราไม่ได้เป็นคนกุมบังเหียน แต่เปิดโอกาสให้มือหนึ่งจากฟอร์มูล่าละเลียดคันเร่ง ซึ่งการขับประหยัด นั้นมีปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขับที่แตกต่างกัน น้ำหนักของผู้โดยสาร รวมทั้งโชคช่วย ถ้าติดไฟแดงน้อย ไม่มีรถคันไหนอาศัยลมดูดด้านหลัง ซึ่งจะกลายเป็นการฉุดให้รถใช้กำลังมากยิ่งขึ้น แล้วโอกาสในการใช้ปริมาณน้ำมันน้อยก็ค่อนข้างจะมีสูง นอกจากนี้ในช่วงของการขับประหยัดก็มีหลายช่วงที่ใช้วิธีการ ปิดแอร์ แต่ถ้าจะพูดกันตรง ๆ แล้วการปิดเครื่องปรับอากาศนั้นมีส่วนช่วยบ้างไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ที่พฤติกรรมการขับ และจังหวะรวมทั้งปัจจัยในข้างต้นที่เราพูดถึงกันไปมากกว่า รถ วิ่งผ่านทางเลี่ยงเมืองขอนแก่นจนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุดการขับประหยัด เราใช้เวลาในการเดินทางอย่างเต็มที่ ถ้าจำไม่ผิดจะเข้าจุดฟินนิชก่อนเวลาประมาณ 2 นาทีเท่านั้น หลังจากที่วัดปริมาณการใช้น้ำมัน และคำนวณหาอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงดูแล้ว ตัวเลขคร่าว ๆ อยู่ที่ประมาณเฉียด ๆ 30 กม./ชม. เปรียบเทียบกับหลาย ๆ คันที่มีอัตราความประหยัดซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเกือบทั้งหมด คือ 20 ปลาย ๆ ไปจนถึง 30 ต้น ๆ กม. ต่อน้ำมัน 1 ลิตร และน่าจะสรุปได้ว่าจุดเด่นของโคโรลล่า อัลติส รุ่นใหม่นี้มีเรื่องของความประหยัดรวมเข้าไปด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น