

หากคุณสงสัยว่าโทรศัพท์มือถือที่ใช้อยู่หรือกำลังจะซื้อ เป็นเครื่องนอกหรือไม่ ให้ทำการตรวจสอบเลขอีมี่ (IMEI) โดยเปิดเครื่องขึ้นมาแล้วกดปุ่ม *#06# จะได้ตัวเลข 15 หลัก ให้จดตัวเลขแล้วตรวจดูที่กล่องบรรจุภัณฑ์ ว่าตรงกับเลขอีมี่ที่มีฉลากติดไว้ที่ข้างกล่องหรือไม่ จากนั้นโทรศัพท์ไปยังตัวแทนจำหน่ายหรือบริษัทโดยตรง เพื่อขอตรวจสอบเลขอีมี่ว่าทางบริษัทได้นำเครื่องที่มีเลขอีมี่นี้เข้ามาจำหน่ายหรือไม่
มือถือก๊อปปี้ หรือโทรศัพท์มือถือที่มีการลอกเลียนแบบ จากโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังๆ มีทั้งการลอกเลียนแบบดีไซน์ทั้งหมด หรือออกแบบมาให้คล้ายคลึง แต่ใช้ยี่ห้อของตนเอง และ โทรศัพท์มือถือที่ใช้ โลโก้ ของยี่ห้อดังๆ มาติดในโทรศัพท์มือถือของตนเอง ทำให้ลูกค้าเข้าใจผิด และหลงซื้อมาใช้งานโดยไม่รู้ว่าเป็นโทรศัพท์มือถือปลอม ลูกค้าที่ซื้อโทรศัพท์มือถือประเภทนี้มาใช้ จะไม่สามารถใช้บริการจากศูนย์บริการของยี่ห้อนั้นๆ ได้ และถือเป็นสินค้าด้อยคุณภาพ
โทรศัพท์มือถือที่มีการโฆษณาเกินความเป็นจริง เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค และ มีความผิดตามกฎหมาย จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่าโทรศัพท์มือถือที่วางจำหน่ายในท้องตลาด มีการโฆษณาถึงพลังเสียงของลำโพง ว่ามีถึงสิบกว่าตัวจนไปถึงเก้าสิบตัว แน่นอนว่าอ่านแล้วคงไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าได้เห็นรูปภาพของสินค้า ก็คงจะคล้อยตามได้ไม่ยาก เพราะมีลำโพงติดไว้ตามตัวเครื่องมากมายจริงๆ เสียงที่ออกมาก็ดังสนั่น แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ เพราะลำโพงมากมายที่เห็นนั้นเป็นเพียงช่องว่างที่ให้เสียงผ่านออกมาเท่านั้นเอง (บริษัทที่นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายควรตรวจสอบเบื้องต้นด้วยว่า ตัวเครื่องสามารถใช้งานได้จริงตามที่ Spec. ระบุไว้หรือไม่)
อีกคุณสมบัติหนึ่งที่พบว่าเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคก็คือ กล้องถ่ายรูป จะสกรีนตัวเลขข้างเลนส์กล้องว่ามีความละเอียดสูงในระดับล้านพิกเซล แต่ใช้งานจริงกลับมีความละเอียดที่ต่ำกว่ามาก วิธีการตรวจสอบความละเอียดกล้อง ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะเมนูการใช้งานภายในก็ระบุไว้อย่างดีว่ามีความละเอียดสูง วิธีการตรวจสอบได้ทางเดียวก็คือ ทดลองถ่ายภาพแล้วดาวน์โหลดเข้ามาดูในคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าไปเลือกซื้อที่ร้านค้า คงจะใช้วิธีนี้ไม่ได้แน่ ดังนั้นถ้าพบว่าโทรศัพท์มือถือที่ตนเองซื้อมาใช้งาน มีการโฆษณาเกินจริง ขอแนะนำให้ร้องเรียนไปที่ สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท. โทร. 1200 (โทรฟรี) หรือ 0 2634 6000 (ในวันและเวลาราชการ)
มือถือก๊อปปี้ หรือโทรศัพท์มือถือที่มีการลอกเลียนแบบ จากโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังๆ มีทั้งการลอกเลียนแบบดีไซน์ทั้งหมด หรือออกแบบมาให้คล้ายคลึง แต่ใช้ยี่ห้อของตนเอง และ โทรศัพท์มือถือที่ใช้ โลโก้ ของยี่ห้อดังๆ มาติดในโทรศัพท์มือถือของตนเอง ทำให้ลูกค้าเข้าใจผิด และหลงซื้อมาใช้งานโดยไม่รู้ว่าเป็นโทรศัพท์มือถือปลอม ลูกค้าที่ซื้อโทรศัพท์มือถือประเภทนี้มาใช้ จะไม่สามารถใช้บริการจากศูนย์บริการของยี่ห้อนั้นๆ ได้ และถือเป็นสินค้าด้อยคุณภาพ
โทรศัพท์มือถือที่มีการโฆษณาเกินความเป็นจริง เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค และ มีความผิดตามกฎหมาย จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่าโทรศัพท์มือถือที่วางจำหน่ายในท้องตลาด มีการโฆษณาถึงพลังเสียงของลำโพง ว่ามีถึงสิบกว่าตัวจนไปถึงเก้าสิบตัว แน่นอนว่าอ่านแล้วคงไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าได้เห็นรูปภาพของสินค้า ก็คงจะคล้อยตามได้ไม่ยาก เพราะมีลำโพงติดไว้ตามตัวเครื่องมากมายจริงๆ เสียงที่ออกมาก็ดังสนั่น แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ เพราะลำโพงมากมายที่เห็นนั้นเป็นเพียงช่องว่างที่ให้เสียงผ่านออกมาเท่านั้นเอง (บริษัทที่นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายควรตรวจสอบเบื้องต้นด้วยว่า ตัวเครื่องสามารถใช้งานได้จริงตามที่ Spec. ระบุไว้หรือไม่)

อีกคุณสมบัติหนึ่งที่พบว่าเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคก็คือ กล้องถ่ายรูป จะสกรีนตัวเลขข้างเลนส์กล้องว่ามีความละเอียดสูงในระดับล้านพิกเซล แต่ใช้งานจริงกลับมีความละเอียดที่ต่ำกว่ามาก วิธีการตรวจสอบความละเอียดกล้อง ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะเมนูการใช้งานภายในก็ระบุไว้อย่างดีว่ามีความละเอียดสูง วิธีการตรวจสอบได้ทางเดียวก็คือ ทดลองถ่ายภาพแล้วดาวน์โหลดเข้ามาดูในคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าไปเลือกซื้อที่ร้านค้า คงจะใช้วิธีนี้ไม่ได้แน่ ดังนั้นถ้าพบว่าโทรศัพท์มือถือที่ตนเองซื้อมาใช้งาน มีการโฆษณาเกินจริง ขอแนะนำให้ร้องเรียนไปที่ สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท. โทร. 1200 (โทรฟรี) หรือ 0 2634 6000 (ในวันและเวลาราชการ)

SAR (Specific Absorption Rate) หมายถึง อัตราที่พลังงานถูกดูดกลืนโดยเนื้อเยื่อของร่างกาย มีหน่วยเป็นวัตต์ต่อกิโลกรัม (W/kg) อัตราการดูดกลืนพลังงานจำเพาะ เป็นหน่วยวัดปริมาณการได้รับรังสี (Dosimetric measure) ซึ่งใช้กันทั่วไปสำหรับการวัดการได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในย่านความถี่สูงกว่า 100 kHz
ขีดจำกัดของค่า SAR สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป
ค่าเฉลี่ยสำหรับทั่วร่างกาย 0.08 W/kg
เฉพาะส่วนศีรษะกับลำตัว 2 W/kg
เฉพาะส่วนแขนขา 4 W/kg
ค่า SAR ในโทรศัพท์มือถือจะส่งผลกระทบกับบริเวณศีรษะมากที่สุด ดังนั้นควรเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือที่มีการทดสอบค่า SAR และมีระบุไว้ในคู่มือ ตามมาตรฐานของ คณะกรรมาธิการการสื่อสารแห่งชาติสหรัฐ (Federal Communicaiton Commission : FCC) หรือ สหภาพยุโรป (EU) ไม่ให้เกิน 2 วัตต์ต่อเนื้อเยื่อร่างกาย 1 กิโลกรัม (W/kg) โดยค่า SAR ที่ระบุออกมาในคู่มือจะเป็นการทดสอบในห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะได้ค่าเฉลี่ยของ SAR ที่สูงกว่าการใช้งานปกติ ถ้าโทรศัพท์มือถือของคุณมีค่า SAR ไม่เกิน 1.6 W/kg ถือว่าปลอดภัยพอสมควร แต่ถ้าชอบคุยโทรศัพท์นานๆ แนะนำให้ใช้ระบบแฮนด์ฟรี หรือ สนทนาผ่านชุดหูฟังจะดีที่สุด
ขีดจำกัดของค่า SAR สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป
ค่าเฉลี่ยสำหรับทั่วร่างกาย 0.08 W/kg
เฉพาะส่วนศีรษะกับลำตัว 2 W/kg
เฉพาะส่วนแขนขา 4 W/kg
ค่า SAR ในโทรศัพท์มือถือจะส่งผลกระทบกับบริเวณศีรษะมากที่สุด ดังนั้นควรเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือที่มีการทดสอบค่า SAR และมีระบุไว้ในคู่มือ ตามมาตรฐานของ คณะกรรมาธิการการสื่อสารแห่งชาติสหรัฐ (Federal Communicaiton Commission : FCC) หรือ สหภาพยุโรป (EU) ไม่ให้เกิน 2 วัตต์ต่อเนื้อเยื่อร่างกาย 1 กิโลกรัม (W/kg) โดยค่า SAR ที่ระบุออกมาในคู่มือจะเป็นการทดสอบในห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะได้ค่าเฉลี่ยของ SAR ที่สูงกว่าการใช้งานปกติ ถ้าโทรศัพท์มือถือของคุณมีค่า SAR ไม่เกิน 1.6 W/kg ถือว่าปลอดภัยพอสมควร แต่ถ้าชอบคุยโทรศัพท์นานๆ แนะนำให้ใช้ระบบแฮนด์ฟรี หรือ สนทนาผ่านชุดหูฟังจะดีที่สุด


รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการโทรศัพท์มือถือที่มีราคาถูกแต่ได้ฟังก์ชั่นที่ครบครัน ซึ่งมีมากมายหลายยี่ห้อ แล้วจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าควรจะเลือกซื้อยี่ห้อไหนดี? วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ศึกษาข้อมูล หรือ คุณสมบัติของโทรศัพท์มือถือที่ต้องการซื้อให้ละเอียด โดยเฉพาะจุดเด่นที่ต้องการใช้งาน รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมที่มีมาให้ในกล่องบรรจุภัณฑ์ เลือกซื้อกับศูนย์บริการ หรือ ร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่าย หากต้องการราคาที่ถูกลงจากศูนย์ฯ ขอให้เลือกดูร้านที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบสติ๊กเกอร์การรับประกันสินค้า ตรวจสอบเลขอีมี่ เปิดเครื่องลองใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ รวมไปถึงคุณภาพสัญญาณเวลาใช้สนทนา (ปกติร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ จะอยู่ในบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่าน ดังนั้นอาจมีเสียงรบกวนขณะสนทนา ทำให้ตัดสินใจยากพอสมควร) เลือกซื้อยี่ห้อที่มีศูนย์ดูแลลูกค้าหลายสาขา สามารถหาซื้ออุปกรณ์เสริมมาเปลี่ยนได้ง่าย เมื่อของเดิมชำรุดหรือสูญหาย ถ้าคุณซื้อโทรศัพท์มือถือมาแล้วใช้งานได้เพียงไม่กี่เดือนก็เกิดปัญหา ไม่มีศูนย์บริการรับซ่อม ไม่มีอะไหล่เปลี่ยน จะดีกว่าไหมถ้าคุณซื้อโทรศัพท์มือถือในราคาเดียวกัน ถึงจะมีคุณสมบัติด้อยลงมา แต่ว่าใช้งานได้นานกว่า ทนกว่า และ มีบริการหลังการขายไว้คอยดูแล
ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการโทรศัพท์มือถือที่มีราคาถูกแต่ได้ฟังก์ชั่นที่ครบครัน ซึ่งมีมากมายหลายยี่ห้อ แล้วจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าควรจะเลือกซื้อยี่ห้อไหนดี? วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ศึกษาข้อมูล หรือ คุณสมบัติของโทรศัพท์มือถือที่ต้องการซื้อให้ละเอียด โดยเฉพาะจุดเด่นที่ต้องการใช้งาน รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมที่มีมาให้ในกล่องบรรจุภัณฑ์ เลือกซื้อกับศูนย์บริการ หรือ ร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่าย หากต้องการราคาที่ถูกลงจากศูนย์ฯ ขอให้เลือกดูร้านที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบสติ๊กเกอร์การรับประกันสินค้า ตรวจสอบเลขอีมี่ เปิดเครื่องลองใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ รวมไปถึงคุณภาพสัญญาณเวลาใช้สนทนา (ปกติร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ จะอยู่ในบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่าน ดังนั้นอาจมีเสียงรบกวนขณะสนทนา ทำให้ตัดสินใจยากพอสมควร) เลือกซื้อยี่ห้อที่มีศูนย์ดูแลลูกค้าหลายสาขา สามารถหาซื้ออุปกรณ์เสริมมาเปลี่ยนได้ง่าย เมื่อของเดิมชำรุดหรือสูญหาย ถ้าคุณซื้อโทรศัพท์มือถือมาแล้วใช้งานได้เพียงไม่กี่เดือนก็เกิดปัญหา ไม่มีศูนย์บริการรับซ่อม ไม่มีอะไหล่เปลี่ยน จะดีกว่าไหมถ้าคุณซื้อโทรศัพท์มือถือในราคาเดียวกัน ถึงจะมีคุณสมบัติด้อยลงมา แต่ว่าใช้งานได้นานกว่า ทนกว่า และ มีบริการหลังการขายไว้คอยดูแล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น